Last updated: 22 May 2023 | 15316 Views |
สงสัยกันไหม ?? ว่าไม้ที่ใช้ทำกีตาร์มีไม้อะไรบ้าง
1.ไม้สปรูช
กีตาร์โปร่งส่วนใหญ่ที่เราเจอในท้องตลาดก็มักใช้ไม้ชนิดนี้ ซึ่งก็ยังมีสายพันธุ์ปลีกย่อยลงไป ที่นิยมมากหน่อยก็ Sitka spruce หรือที่เป็นที่ปรารถนาสุดๆ ของคนรักกีตาร์โปร่งก็คงหนีไม่พ้น Adirondack spruce ซึ่งปัจจุบันมีราคาแพงและหายากมาก
โทนเสียง
ให้เสียงเคลียร์ ใส ดัง และมีความแข็งแรงสูงมาก ทนต่อแรงดึงมหาศาลของสายกีตาร์โปร่งซึ่งเบอร์ใหญ่กว่ากีตาร์ไฟฟ้าได้ดี จึงนิยมใช้ทำส่วนไม้หน้าหรือไม้ท็อปของกีตาร์โปร่งสายเหล็ก
2. ไม้ชีดาร์
นิยมใช้ทำไม้ท็อปเนื่องจากมีคุณสมบัติในเรื่องความแข็งแรง แต่สิ่งที่ไม้ซีดาร์ แตกต่างจากไม้สปรูซก็คือโทนสีที่ออกเหลืองแก่ๆ มากกว่า จึงมักถูกนำมาทำท็อปของกีตาร์คลาสสิค แต่บางครั้งก็มีการนำมาทำท็อปของกีตาร์โปร่งสายเหล็ก
โทนเสียง
มีความอุ่นนวล มีความหวานมากกว่าไม้สปรูซ เหมาะกับการเล่นแนว finger style ที่ต้องการซาวด์หวานๆ ส่วนใหญ่จึงถูกนำมาใช้เป็นไม้ท็อปของกีตาร์คลาสสิค
3. ไม้มะฮอกกานี
สำหรับคนเล่นกีตาร์ไม่ว่าโปร่งหรือไฟฟ้า มะฮอกกานีคือไม้ที่เราจะพบได้บ่อยที่สุดชนิดหนึ่ง นิยมใช้ในหลายส่วนของกีตาร์โปร่ง ตั้งแต่คอไปจนถึงบอดี้ทุกส่วนโดยเฉพาะไม้หลังและไม้ข้าง
โทนเสียง
ไม้ชนิดนี้ให้โทนเสียงที่เด่นย่านเสียงกลางเเละตอบสนองต่อย่านเสียงนี้ได้อย่างดี กีตาร์ที่มีบอร์ดี้ทำจากไม้มาฮอกกานีจะมีเสียงกลางที่พุ่งเเละชัดมากตอบสนองต่อการเล่นทั้งเเบบ finger style เเละ Strumming ได้ดี
4. ไม้ซะพีลี
ไม้ที่มีคุณสมบัติทางเสียงใกล้เคียงกับมะฮอกกานีมาก แต่มีเนื้อแข็งกว่า และหาในธรรมชาติได้ง่ายกว่า จึงมีราคาถูกกว่า ปัจจุบันเราเริ่มพบผู้ผลิตหลายรายนำไม้ชนิดนี้มาใช้ทดแทนไม้มะฮอกกานี หรือใช้ทำกีตาร์โปร่งรุ่นที่ให้โทนเสียงคล้ายมะฮอกกานี แต่ขายในราคาประหยัดกว่า
โทนเสียง
มีโทนเสียงคล้ายๆไม้มะฮอกกานี แต่มันจะมีความแหลมใสมากกว่ามะฮอกกานีนิดๆ
5. ไม้Rosewood
เป็นไม้ที่มีลวดลายสวยงาม นิยมใช้ทำฟิงเกอร์บอร์ด หย่อง รวมถึงด้านหลังและด้านข้างบอดี้ ไม้ชนิดนี้มีความหนาแน่นสูงกว่ามะฮอกกานี แถมยังมีลวดลายสวยงามเป็นเอกลักษณ์ เป็นไม้ที่ใคร ๆ หลายคนอยากมีไว้ครอบครอง ไม้ rosewood เป็นไม้ที่มีราคาสูงกว่ามะฮอกกานีเนื่องจากหายากกว่า
ปัจจุบันไม้ชนิดนี้ถูกคุ้มครองการนำเข้า-ส่งออกอย่างเข้มงวดโดย CITES ผู้ผลิตกีตาร์จึงมักจัดกีต้าร์รุ่นที่ใช้ไม้ชนิดนี้ไว้ในระดับที่สูงกว่า และมักมีราคาสูงกว่า
โทนเสียง
ให้เสียงที่มีย่านเบสที่เป็นตัวชัดเจนมีโฟกัสมากกว่ามะฮอกกานี รวมถึงมีย่านแหลมที่ชัดเจนกว่า เป็นไม้ที่ให้โทนเสียงที่เล่นได้กว้างทุกแนวจะตีคอร์ดก็ชัด จะ finger style ก็ใส
6. ไม้มะเกลือ หรือไม้เอโบนี (Ebony)
ไม้ชนิดนี้มีสีดำเข้มไปจนถึงดำสนิทจนแทบดูไม่เหมือนไม้ มักมี grain หรือเสี้ยนไม้ที่ละเอียดมาก เป็นไม้ที่มีความหนาแน่นและความแข็งมากที่สุดชนิดหนึ่ง แต่ในขณะเดียวกัน ความแข็งสุดๆ นั้นก็กลายเป็นข้อเสีย คือมีความเปราะ แตกหักง่ายกว่าไม้ rosewood ไม้ชนิดนี้นิยมใช้ทำฟิงเกอร์บอร์ดและหย่องของกีตาร์ที่เป็นรุ่นสูงๆ ของบางแบรนด์ หรือไม่ก็เป็นไม้มาตรฐานของแบรนด์ที่มีราคาสูงแทบทุกรุ่น
โทนเสียง
มีโทนที่เด่นย่านแหลม คม ไบรท์ โน้ตมีความชัดเจนมาก มีคาแรคเตอร์แบบโมเดิร์นมากกว่าคลาสสิค
7. ไม้เมเปิ้ล (Maple)
สำหรับคนเล่นกีตาร์ไฟฟ้าคงไม่มีใครไม่รู้จักไม้เมเปิ้ล ซึ่งมักจะมาในรูปคอของกีตาร์ Fender และท็อปของกีตาร์ Gibson Les Paul แต่สำหรับกีตาร์โปร่งที่ใช้ไม้ชนิดนี้ถือว่ายังเป็นส่วนน้อย ไม้ชนิดนี้มีโทนสีเหลืองอ่อนๆ ทำสีติดง่าย แถมบางครั้งก็มีลวดลายสวยงาม
โทนเสียง
ไม้เมเปิ้ลให้โทนเสียงไบรท์ ใส คม มีการกดความถี่เสียงย่านกลางนิดๆ โทนโดยรวมมีความสดใส มีชีวิตชีวาแต่ไม่หนักแน่นเท่าไม้อื่นๆในทรงเดียวกัน เพราะย่านเบสไม่เด่น กีตาร์โปร่งที่ใช้ไม้ชนิดนี้ที่เด่นๆ